วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รีวิวงานผิวถูกและดี(มั้ย?!) EP1 : แป้งมิสเตอร์วัฒน์MrWat #ถูกเว่อร์แล้วมันดีมั้ย?!

รีวิวงานผิวถูกและดี(มั้ย?!) EP1 : แป้งมิสเตอร์วัฒน์MrWat #ถูกเว่อร์แล้วมันดีมั้ย?!

HOT NEWS

สวัสดีค่ะ พี่ๆเพื่อนๆและน้องๆทุกคน^^

วันนี้ขุ่นแม่ลูกสองจะมาพูดถึงแป้งแต่งหน้าผสมรองพื้นตัวนึง

ที่ได้ยินเสียงร่ำลือมาซักระยะนึงแล้ว...ถึงความเป๊ะปังของงานผิว

ในราคาที่แสนจะย่อมเยาว์ สบายกระเป๋า

และนั่นก็คือ--แป้งตัวนี้ค่า...า

Mr.Wat Extra Cover Cake Powder SPF25 PA+++

บอกตรงๆว่า ดูรีวิวของบล็อกเกอร์หลายๆคนแล้ว แหม--มันช่างน่าซื้อน่าลองเสียนี่กระไร

น่ะ! รออะไรล่ะ จัดไปซิคะ2ตลับ แต่น แต๊น...W2 & W3 ค่า

แกะออกมา เป็นตลับสีเทาๆ พร้อมฟองน้ำแยกมาในซองใสๆ

เปิดตลับกันต่อเลย...

เปิดตลับเจอแป้งเนื้อเนียนๆ แต่ว่าไม่มีกระจกนะจ๊ะ

ลองปาดให้ดูสีกันค่ะ...

บอกเลยว่า สีมันใกล้กันมาก ถึงมากที่สุด>.<

อ่ะ ทีนี้ลองมาลงบนหน้ากันค่ะ ว่าเป็นไงบ้าง?

ลองทีละข้างนะคะ เริ่มที่ W2ครึ่งหน้าจร้า...

สังเกตุ...มีความขาวกว่า สีผิวNC25-30 ของจขบ.ไปประมาณหนึ่งระดับเนอะ

ทีนี้มาลงอีกข้างด้วยเบอร์W3กันดูค่ะ

เอิ่ม! เอาจริงๆนะคะ ดูออกมั้ยว่า--ใช้แป้งคนละเบอร์กัน?! 5555

วันนี้ลงแป้งด้วยพัฟนุ่มๆที่แถมมากับแป้ง (พัฟนุ่มม๊ากกก ช๊อบบบบ)

โดยที่ลงแบบแห้งๆ ไม่ชุบน้ำอะไรทั้งสิ้น ตามวิธีใช้ที่แนะนำมาข้างกล่อง

สัมผัสแรกบนผิว บอกเลยว่านุ่มและเนียนเว่อร์ แต่...มันดูหนาไปมิ?! (ถามตัวเอง)

อ่ะ...มะเป็นไรๆ รอให้เซตตัวสักพัก คงจะดีขึ้น มาแต่งหน้าเบาๆแล้วถ่ายรูปกันดีกว่า...

แต่น แต๊นนนนน ฟริ๊งงงงงงงง

ห๊า...มันได้ขนาดนี้เชียวหรา?! แป้งราคา 168บ.เนี้ยยยย

ขาวผ่องเป็นยองใยยังกะใช้แอพแน่ะSmiley หุ หุ หุ

(โนแอ๊บนะคะ ถ่ายด้วยกล้องหน้ามือถือ อาศัยแสงธรรมชาติช่วงสายๆ9-10โมงเช้า)

ถึงเวลาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

ความเรียบเนียน :

ความเรียบเนียน 4.5/5 ชอบตรงที่งานดี ผิวกระจ่างใส ดูเป็นธรรมชาติ

(แนะนำสีW3สำหรับผิวขาวเหลืองประมาณ NC25-30 นะคะ)

*สังเกตุจาก หลังทาแป้งลงบนหน้า รอซักพักพอมีเหงื่อนิดๆ หน้าจะนัวมาก

ผิวดูเรียบเนียนใสกิ๊ง ปิ๊งปั๊ง finish look งานผิวที่ได้ ก็จะตามรูปเลยค่ะ

ไม่โบ๊ะ ไม่หน้ากาก ปกปิดได้ดีในระดับปานกลาง ณ จุดนี้ ถือว่าเริ่ดเบอร์แรงค่ะ!!

ทีนี้เราจะมาเช็คเรื่องความติดทนกันบ้างค่ะ

เริ่มแต่งหน้าทาแป้ง ประมาณ 9.00น.(ลงบำรุง+กันแดด+แป้ง โดยไม่มีการลงไพรม์เมอร์ )

มาเช็คหน้าอีกทีตอนประมาณ 11.00น. พบว่า...

มีความมันบริเวณจมูก และหน้าผาก สังเกตุเห็นเป็นคราบๆโดยเฉพาะจุดที่เราตบแป้งไว้หนา

และบริเวณที่มีสิวผด และปีกจมูก เฮ้อ...อ แอบผิดหวังเล็กๆ

ที่นี้เราลองมาจัดการคราบแป้งกันค่ะ ลองใช้เสปรย์น้ำแร่ลงไปโดยตรงบนหน้า

สังเกตุได้เลยว่านางกันน้ำจริงๆค่ะ หยดน้ำเกาะอยูบนผิวกันเลยทีเดียว

หลังจากนั้น ลองซับหน้าด้วยกระดาษทิชชู่เบาๆ มีแป้งหลุดติดมาเพียงเล็กน้อย

(ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี) จากนั้นก็ใช้พัฟกดซับและเกลี่ยเบาๆบริเวณคราบ...พอช่วยได้ค่ะ

อยู่ในสภาพอากาศธรรมชาติ หน้าพัดลมกันไป จนถึงเย็น มาเช็คสภาพหน้ากันอีกทีค่ะ

ตามรูปเลยค่ะ มันก็จะมันๆเยิ้มๆตามสภาพผิวผสม-มันกันไป เอาน่า...ชินได้ละ 5555

*อ่ะ ทีนี้มาสรุปเรื่องความกันน้ำกันเหงื่อ และคุมมันจากผลที่ได้กันดีกว่าค่า*

ความกันน้ำกันเหงื่อ :

กันน้ำ 5/5 สังเกตุจากการสเปรย์น้ำลงบนผิวหน้า แล้วซับด้วยกระดาษทิชชู่

แทบจะไม่มีเนื้อแป้งหลุดออกมาเลยค่ะ(มีหลุดบ้างแต่น้อยมากกกกก)

กันเหงื่อ 3/5 สังเกตุว่าจะเริ่มเป็นคราบ หลังจากมีเหงื่อออกเยอะๆ เช่น ช่วงหลังจาก

ออกกำลังกายเสร็จ แต่ถ้าใครที่ทำงานอยู่ในห้องแอร์ก็น่าจะไม่เกิดปัญหานี้ค่ะ

การคุมมัน :

คุมมัน 2/5 สำหรับเราผิวผสม-มัน หลังจากลงแป้งไปประมาณ 2ชม.

สภาพอากาศหน้าพัดลม ก็มันแล้วค่ะ จมูกนี่ไปก่อนเพื่อน ตามด้วยหน้าผากค่ะ

การทำความสะอาด:

ล้างออกง่ายด้วยCleansing 3/5 คะแนน

ใช้แป้งตัวนี้ ต้องทำความสะอาดหน้าให้ดีๆนะคะ เพราะมันค่อนข้างติดทนอยู่เหมือนกัน

จุดไหนที่เราเผลอทำความสะอาดไม่ดีพอ 1-2วันต่อมา

สิวก็จะโผล่มาโชว์ว่า ตรงนี้ไงที่เธอล้างชั้นไม่สะอาดอ่ะ

เอิ่ม...เก๊าขอโต๊ด ต่อไปนี้เก๊าจะล้างเธอออกให้ดีกว่านี้น๊า นะ นะ นะ

ดังนั้น เราจึงต้องใช้เวลานานหน่อย ถึงจะล้างแป้งตัวนี้ออกได้หมดจด

(เราล้างด้วยเจลล้างเครื่องสำอางค์ของPremeNobu พบว่า

ต้องวนทิ้งไว้ให้นานกว่าปกติซักหน่อย ถึงจะล้างออกได้สะอาดค่ะ)

ทีนี้ ข้อด้อยที่เจอ คือความเป็นคราบบนผิวหน้า

เราจึงลองหาวิธีลดคราบให้เกิดน้อยที่สุดค่ะ...ซึ่งมันก็ได้ผลดีอยู่เหมือนกันนะคะ

คือ ขั้นตอนการลงแป้งบนผิวหน้า ให้ลงด้วยพัฟแห้งก่อนให้ทั่วหน้า เสร็จแล้ว

สเปรย์หน้าอีกทีด้วยน้ำแร่ หรือน้ำเปล่าก็ได้ค่ะ ให้ชุ่มๆเลย

จากนั้น ใช้พัฟแห้งอันเดิม แตะกดทับซับๆย้ำๆเบาๆให้ทั่วหน้าจนน้ำที่อยู่บนหน้าหมดไป

แค่นี้เลยค่ะ ไม่ต้องลงไพรมเมอร์ใดๆ แต่ถ้าใครจะลงไพรมเมอร์ก็ได้ค่ะ ตามความชอบเลย

รับรองว่าการเกิดคราบจะลดลง และอยู่ทนได้ทั้งวันกันเลยทีเดียวเชียวค่ะ

เพิ่มเติมเล็กน้อย สำหรับการจัดการคราบแป้งของเราค่ะ

มีรูปช่วงหลังออกกำลังกายเสร็จค่ะ คราบพรึ่บ เพราะใช้วิธีลงพัฟแห้งอย่างเดียว

คราบเยอะแบบต๊กกะใจ 5555 ข้างสันจมูกนั่น ก็รอยแว่นตาอี๊ก เฮ้ออออออ

คิดไม่ตก ไปอาบน้ำ แล้วล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าดูละกัน

เสร็จแล้วก็ลองใช้พัฟอันเดิมที่ทาเมื่อเช้า กดซับ เกลี่ยๆกันไป ตรงไหนคราบตรงไหนรอย

โดยที่ไม่ลงแป้งเพิ่มค่ะ มีก็แต่ที่ติดค้างอยู่ที่พัฟนั่นล่ะค่ะ

ม่ะ...ไปดูผลกัน ว่ามันจะปัง หรือพังกันคะ?!

ทะแด๊น...น

เฮ้ยยยย อย่างนี้ก็ได้หรา?!

ไม่รู้ว่าใครจะคิดอย่างไรนะ แต่ขุ่นแม่ว่า #ดีต่อใจขุ่นแม่เหลือเกิน

ผิวประมาณนี้ล่ะ ขุ่นแม่ชอบ หุ หุ หุ

(ต่อไปนี้ในกระเป๋าขุ่นแม่จะมีพัฟประจำการแล้วซิเนอะ)

สุดท้าย (ขอบคุณทุกคนที่ทนอ่านมาได้จนถึงตรงนี้นะคะ น่ารักที่สุดเลยยยย เลิฟ เลิฟ)

สรุปว่า ใครที่อยากได้แป้งผสมรองพื้น ที่มีความบางเบา ปกปิดได้ระดับปานกลาง และ

มีความผ่องเด้ง ไม่เน้นคุมมัน แนะให้ตำได้เลยค่ะ

#แป้งมิสเตอร์วัฒน์MrWat

#ถูกและดียังมีอยู่จริงนะจ๊ะเธอ!

*No sponser เด้อค่ะ*

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รีวิวงานปากถูกและดี(มั้ย?!) EP2 : SIVANNA SOFT MATTE LIP CREAM

รีวิวงานปากถูกและดี(มั้ย?!) EP2 : SIVANNA SOFT MATTE LIP CREAM

HOT NEWS

สวัสดีค่ะ วันนี้เอาสวอชสีลิปครีมแบบจิ้มจุ่ม ไซส์มินิของSivanna มาฝากค่ะ

ลิปตัวนี้ได้มาจากร้านทุกอย่าง20บาทค่ะ เลือกมา 3สี ที่คิดว่าน่าจะใช้ได้ในทุกวัน

เอ๊...มีสีอะไรบ้างหน๊อ? มาดูกันเล๊ย

เนื่องจากไม่มีชื่อสีแสดงไว้ที่ขวด เลยไม่รู้จะเรียกชื่อสียังไงดี

เอาเป็นว่าแปะรูปลิปไว้คู่กับสีที่สวอชให้ดูเลยละกันเนอะ:)

มาที่สีแรกกันเลย...

เป็นสีแดงก่ำอมม่วง เม็ดสีเข้มชัดมาก ปิดสีปากมิดเลยค่ะ

ถ้าทาให้ทั่วริมฝีปาก จะได้ลุคอย่างในรูปค่ะ แต่งออกงานกลางคืนน่าจะสวยมีเสน่ห์ดึงดูดดี ขับให้ผิวดูขาวขึ้นด้วยค่ะ

แต่ถ้าใครชอบแบบแนวธรรมชาติ แนะนำให้แตะเบาๆเฉพาะริมฝีปากด้านในค่ะ

สีปากที่ได้ก็จะดูเรื่อๆเลือดฝาดๆสวยไปอีกแบบค่ะ

มาต่อที่สีที่2ค่ะ...เป็นสีชมพูอ่อนเจือม่วงอ่อนๆ ทาออกมาแล้วได้ลุคสาวหวานใสๆ ช่วยให้แลดูอ่อนกว่าวัยค่ะ

น่าจะใช้ได้ดีกับทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นวันพักผ่อนสบายๆหรือวันทำงานเนอะ

มาถึงสีสุดท้ายค่ะ... เป็นสีโทนน้ำตาลเจือส้มนิดๆถ้าดูจากขวดลิป

แต่พอลงบนริมฝีปากแล้ว กลายเป็นสีส้มอมน้ำตาลไปซะอย่างงั้น

อืมม์ จะว่าไปสีนี้ ทาออกมาแล้วได้ลุคที่ดูเป็นทางการอยู่เหมือนกันแฮะ

คิดว่าน่าจะเหมาะกับวันทำงานมากกว่าวันสบายๆเนอะ

สรุปผลจากที่ได้ลองใช้ลิปSivannaรุ่นนี้กันค่ะ

เม็ดสีชัด ปิดสีปากคล้ำได้มิดค่ะ แม้ทาเพียงรอบเดียว

ความติดทน เมื่อทานน้ำหรืออาหาร เนื้อลิปบนริมฝีปากด้านในจะหลุดง่ายเหมือนกันค่ะ จะเหลือสีชัดเฉพาะริมฝีปากด้านนอก

เนื้อลิปเกลี่ยง่าย แห้งไว พอแห้งแล้วส่วนที่ทาไว้หนา จะมีความแตกเป็นร่องให้เห็นอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเกลี่ยบางๆก็จะโอเครกว่าค่ะ

มีกลิ่นหอมขนมๆ พอเซตตัวแล้ว ยังคงมีสัมผัสหนึบอยู่นิดๆ

การล้าง แนะนำให้ล้างออกด้วย eye and lip remover ค่ะ ถึงจะทำความสะอาดได้อย่างหมดจด

เพราะเนื้อลิปล้างออกค่อนข้างยาก

สำหรับลิปราคาเบาๆ 20บาท ถือว่าทำได้ดีแล้วค่ะ ขนาดขวดก็พกพาง่ายดี ถือว่าดีเกินคาดค่ะ:)

ปล.ส่วนตัวแล้วชอบเอามาใช้แต่งหน้าเปลี่ยนลุค สำหรับถ่ายรูปสวยๆเก็บไว้ค่ะ เพราะให้สีชัดดี

แต่จะไม่ชอบเอามาแต่งในชีวิตประจำวันของตัวเองเท่าไหร่ เพราะจะชอบแนวใสๆเบาๆมากกว่านี้ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รีวิวเมคอัพและสกินแคร์จาก7-11 EP3: งานผิว#DDcream เปรียบเทียบระหว่าง #Jula'sHerb และ #BabyBright

รีวิวเมคอัพและสกินแคร์จาก7-11 EP3: งานผิว#DDcream เปรียบเทียบระหว่าง #Jula'sHerb และ #BabyBright

HOT NEWS

สวัสดีค่าทุกคน วันนี้เอางานผิว DD cream ซอง ใน7-11 มาฝากกันค่ะ

ยกนี้ขอจับ 2 ตัวนี้ มาประชันกันค่ะ เต๊ง!

Jula's Herb DD cream Watermelon SPF50 PA+++ ราคา 39บ.ซอง 8มล.

Baby Bright White Plankton DD Anti-Pollution Daily Defense Cream

SPF50 PA+++ ราคา 49บ.ซอง 7กรัม

ต้องบอกไว้เลย ว่าDDสองตัวนี้ มีดีที่กันแดดได้เยอะค่ะ SPF50 PA+++แน่ะ แหะ แหะ

เนื้อครีมมีความบางเบาทั้งคู่ แต่ได้เท็กเจอร์ที่ต่างกันค่ะ มาดูเนื้อสีกันค่ะ

ดูแว้บแรก ของJula เหมือนจะมีความชมพูเจืออยู่เนอะ

แล้วผิวขาวเหลือง(์NC30)อย่างเราจะรอดมั้ยเนี้ย?!

ส่วนของBaby Bright เนื้อจะออกขาวๆ อืม!แล้วหน้าจะวอกมั้ยน๊า?!

เอาล่ะ--มาดูตอนที่เกลี่ยบางๆที่ผิวกันค่ะ

(เผลอบีบเนื้อครีมของBaby Bright ออกมาเยอะเกินค่ะ ต้องขออภัยค่ะ-*-)

อย่างที่เห็นเนอะ เนื้อครีมของJula จะมีความบางเบากว่า และสามารถเกลี่ยได้ง่ายมากๆ

ด้วยนิ้วมือ เวลารีบๆนี่แนะนำเลยค่ะ รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องใช้ฟองน้ำหรือแปรงใดๆ

แต่ด้วยความบางเบานี่แหละค่ะ ทำให้อย่าได้คาดหวัง ว่ามันจะสามารถปกปิดผิวหรือรอยสิว

ฝ้า กระใดๆด้วยประการทั้งปวง อารมณ์เหมือนพวกกันแดดที่ให้finishวาวแบบกระจายแสง

เบาๆมากกว่าค่ะ สรุปข้อดีที่ทำให้เราหยิบตัวนี้ขึ้นมาใช้บ่อยๆคือ ใช้ง่ายในเวลาที่เร่งรีบ

เบาสบายผิว ไม่เหนอะหนะ สำหรับเราลงDDตัวนี้ แล้วตามด้วยแป้งผสมรองพื้นก็จบ

ได้เลยค่ะ แฮ้ปปี้ละ;)

สำหรับการคุมมันบนผิวผสม-มันของเรา เอาไม่อยู่นะคะ มันเป็นปกติ แค่ไม่มันเพิ่มค่ะ

ผลการใช้ไม่เป็นคราบ และไม่ดร็อประหว่างวัน

ส่วนเนื้อครีมของBaby Bright จะมีความข้นหนากว่าJula เวลาเราเกลี่ยบนผิวด้วยนิ้วมือ

เสร็จ จะชอบใช้ฟองน้ำหมาดๆกดซับอีกที เพื่อให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและบางเบากว่า

เนื่องจากเนื้อครีมเป็นสีขาว ถ้าเราทาหนาเกิน หรือเกลี่ยไม่ดี

มันจะมีความลอยๆของผิวขึ้นมาค่ะ

ความสามารถในการปกปิดค่อนข้างบางเบา-ปานกลาง

เมื่อลงDDตัวนี้ที่ผิว จะมีความเหนอะนิดๆแนะนำให้ลงตามด้วย แป้งฝุ่นหรือแป้งผสมรองพื้น

อีกทีค่ะ จะช่วยเซตผิวติดทนได้นานขึ้น แต่ตัวนี้เวลาเจออากาศร้อนๆนี่ มีไหลเป็นคราบให้

เห็นอยู่เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะบริเวณที่มีรูขุมขนกว้าง

ข้อดีที่ชอบ finishของผิวที่ได้ ดูอิ่มน้ำ(ไม่ถึงขั้นฉ่ำน้ำ) แลดูผิวนุ่มสุขภาพดี๊ดี ผิวดูอ่อนเยาว์

น่าทะนุถนอมดีค่ะ

ความคุมมัน: สำหรับเราไม่คุมมันค่ะ (ผิวผสม-มัน)

มาดูงานผิวเมื่อเกลี่ยให้บางเบาเนียนไปกับผิวกันค่ะ...

ทีนี้ชอบงานผิวแบบไหน...ถามใจเธอดูค่ะ^^บ๊าย บาย

วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รีวิวเมคอัพและสกินแคร์จาก7-11 EP2: งานผิว เปรียบเทียบระหว่าง #KMA และ#NAMI

รีวิวเมคอัพและสกินแคร์จาก7-11 EP2: งานผิว เปรียบเทียบระหว่าง #KMA และ#NAMI

HOT NEWS

สวัสดีค่ะทุกคน^^

วันนี้จะมาพูดถึงงานผิวถูกและดีใน7-11 สองรุ่นนี้ค่ะ

CC Ready cushion SPF35PA++ #NamiMakeUpPro ราคา 49บ.ซอง7กรัม

1Step Finish foundation to powder SPF30PA++ #KMAcosmetics

ราคา 129บ.หลอด7กรัม

สองรุ่นนี้ มีจุดเด่นที่ความบางเบา ปกปิดน้อย แต่ได้งานผิวที่ดูลุคผิวสวยธรรมชาติ

โดยที่ออกสีผิวคนละโทนกันค่ะ ดูเนื้อสีกันค่ะ...

จากรูป...จะเห็นว่า ของNamiจะออกโทนเหลือง ส่วนของKMAจะออกโทนสีเนื้อเนอะ

ดังนั้นเวลาเกลี่ยไปบนผิว งานผิวที่ได้จากNamiจะค่อนข้างผ่องกว่าของKMA

เนื้อความข้นเหลวของเนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างใกล้เคียงกัน สามารถเกลี่ยได้ง่ายด้วยนิ้วมือ

*แต่เราชอบเก็บส่วนเกินด้วยฟองน้ำหมาดๆตอนจบ จะได้งานผิวที่บางเบากลืนแนบ

ไปกับผิวหน้าได้ดียิ่งขึ้นค่ะ*

finish look ที่ได้ของKMA จะเป็นอะไรที่แมตต์กว่าNami และคุมมันได้ดีกว่าNami

โดยไม่จำเป็นต้องลงทับด้วยแป้ง

สำหรับใครที่ต้องการการปกปิดที่มากขึ้น แนะนำให้ลงแป้งผสมรองพื้นตามลงไปด้วยนะคะ

เพราะสองตัวนี้จะปกปิดได้น้อยค่ะ เหมาะกับแนวใสๆวัยรุ่นชอบมากกว่า อุ๊ยผิวสวยจังเธอ!

อะไรประมาณนั้น คริ คริ

ใครที่ชอบหน้าแน่น หน้าปัง อาจจะไม่โดนใจ แนะนำให้ใช้Namiซองดำนู้นเลยค่ะ

ความติดทนนี่ ระหว่างวันก็มีเป็นคราบบ้างเหมือนกันค่ะ ทั้งสองตัว แต่ก็ไม่ดร็อปไม่หมองนะคะ

Namiนี่ เราแนะนำว่า ไม่น่าจะเหมาะกับคนที่มีผิวเข้มกว่าNC30นะ เพราะสีเค้าสว่างอยู่เหมือนกัน

ซึ่งสำหรับเรามีผิวNC25-30นี่ กำลังเป๊ะกับผิวเลยค่ะ (หรือจริงๆแล้วผิวสีเข้มก็ใช้ได้?

ก็ข้างซองบอกว่า สามารถปรับสีให้เข้ากับทุกสีผิวนี่นา)

KMAนี่ น่าจะเหมาะสำหรับผิวเข้มตั้งแต่ NC30ขึ้นไปนะคะ เพราะสีจะดูเข้มกว่าNamiอย่างเห็นได้ชัด

เวลาลงที่แขน แต่พอลงที่ผิวหน้าเรา กลับไม่หมองแฮะ มันออกจะดูกลืนๆไปกับผิวเหมือนกันนะคะ เอ๊...เล่นเอางงๆเนอะ

การล้างทำความสะอาด ทั้งสองรุ่นนี้ สามารถล้างออกได้ง่ายด้วย Water cleansing ค่ะ

ไม่สิว ไม่ผด ถือว่าดีต่อผิวเนอะ

เอาล่ะ--ใครชอบแบบไหน ถามใจเธอดูนะคะ ...สำหรับเรา(ผิวขาวเหลือง)กระซิบเบาๆว่า

Namiนั่นไง ที่ใช้ไปแล้วหลายซอง อิ อิ ...วันนี้ ขอลาไปก่อนค่า บ๊าย บาย

วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

รีวิวเมคอัพและสกินแคร์จากDaiso EP1: ดินสอเขียนคิ้วถูกและดีจริงดิ

รีวิวเมคอัพและสกินแคร์จากDaiso EP1: ดินสอเขียนคิ้วถูกและดีจริงดิ

HOT NEWS

สวัสดีค่ะ ทุกคน^-^)/

โพสต์นี้เป็นโพสต์แรกของเรา หากมีข้อผิดพลาดประการ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะคะ^^’

เห็นใคร…หลายต่อหลายคน พูดถึงเมคอัพไอเท็มและสกินแคร์ของDaiso

ว่าถูกและดี กันเยอะมากกก กไก่ล้านตัว 5555

ราคาก็ดีมากมาย 60 บ.เอ๊งแกร๊(อันนี้พูดกับตัวเอง 5555)

รออะไรคะ?!…ไปกันเล๊ย Daiso จ๋า อิ อิ

อือม์–ของเค้าเยอะจริงๆ น่าซื้อน่าใช้ทั้งนั้นเลยเนอะ ม่ะ…ตั้งสติแพร๊บ!

วันนี้ตัดสินใจว่า จะช้อปเมคอัพไอเท็มแค่เพียงชิ้นเดียว…ใช่ค่ะ! ชิ้นเดียว ท่องไว้ๆ 5555

เอาล่ะ–เลือกไอเท็มที่ใช้กำลังจะหมดก่อนละกัน นั่นคือ…ดินสอเขียนคิ้ว…อิ้ว อิ้ว อิ้ว

เพื่อนสนิทก็บอกมา ว่าใช้ดินสอเขียนคิ้วจากDaisoแล้ว ถูกใจ ใช้ดี ใช้ง่ายและติดทน

อืมๆ ว่าแต่…มันตัวไหนล่ะ?! มีหลายรุ่นเลยเนี้ย เอาน่าๆ เลือกเอารุ่นที่กันเหงื่อกันน้ำ ไม่ต้องเหลา

และมีโทนสีที่คิดว่าจะเข้ากันได้ดี กับผมสีดำและคิ้วเข้มๆของเราละกัน^^’

เอาล่ะ–ในที่สุด ก็ตัดสินใจเลือกตัวนี้มาค่ะ แถ่น แถ๊น….

ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลเข้ม หัวกลม แท่งสีชมพู หมุนๆอันนี้ค่าาาา

ก่อนอื่น–ขอให้ข้อมูลพื้นฐานของเราก่อนนะคะ…

ผมดำ คิ้วสีเข้ม

ผิวผสม-มัน

ชอบแต่งหน้าโทนธรรมชาติใสๆ

ทีนี้…มาชมกันค่ะ ว่าเราลองใช้แล้วเป็นยังไง

ถูกและดีจริงมั้ย?! คลิ๊กชมกันได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยค่า^-^/

รีวิวดินสอเขียนคิ้วจากDaiso

รีวิวเมคอัพและสกินแคร์จาก7-11 EP1: Nami Makeup Pro Matte HDcushion Spf35PA++

รีวิวเมคอัพและสกินแคร์จาก7-11 EP1: Nami Makeup Pro Matte HDcushion Spf35PA++…169บาท

HOT NEWS

สวัสดีค่า^-^)วันนี้ขอพูดถึง Hot item งานผิวจาก 7-11 ที่ตอนนี้ใครๆก็พูดถึง นั่นก็คือ…

“Nami Makeup Pro Matte HDcushion Spf35” ตัวนี้ค่า…

ก่อนอื่นต้องบอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยค่ะ ว่าเราเป็นแฟนของงานผิวNAMIซองๆจาก7-11

ลองใช้มาแล้วก็หลายรุ่น ซึ่งจะขอเก็บไว้พูดต่อไปในโพสต์หน้าละกันเนอะ ^^

ม่ะ–เรากลับมาพูดถึง Pro Matte HDcushion ตัวนี้กันต่อดีกว่าค่ะ

แรกเริ่มเดิมที…เคยลองสมัยที่เป็นซองๆสีดำ จำได้ว่าไม่ปลื้ม

เพราะสีมันเข้มกว่าผิว ใช้แล้วรู้สึกว่ามันดร็อปและหมองระหว่างวัน

แต่เห็นว่ามารอบนี้ มีการปรับปรุงสูตรใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม

เลยขอให้โอกาสเธอผู้นี้กันอีกซักครั้ง 🙂

ม่ะ–ปาดที่ท้องแขนดูเนื้อ ดูสี กันก่อนซักนิด


อืม…เนื้อที่ได้ บางเบาจริงค่ะ แถมแมตต์เร็วมาก แตะแป๊บเดียวแห้งเนียนไปกับผิวทันที

แถมสีที่ได้ ก็ใกล้เคียงกับผิวNC30โทนเหลือง อย่างเรามากๆ

ทีนี้มาลอง…บนหน้ากันมั่งซิ จะเป็นไงน๊อ?!


ลุคที่ได้ คือ ผิวหน้าที่ผ่องสว่าง มีความบางเบา และแมตต์กำลังดี ไม่ถึงขั้นทำให้หน้าแบนแต่อย่างใด

ในรูปที่เห็นไร้ซึ่งการเฉดดิ้ง หรือไฮไลต์ใดๆทั้งสิ้นนะคะ (มีแต่รอยแว่นตาที่ข้างๆสันจมูกค่ะ^^’)

ปกปิดได้ปานกลาง ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้น แต่ยังไม่สามารถปิดฝ้ากระได้มิดนะคะ

สามารถใช้เดี่ยวๆไม่ต้องลงตามด้วยแป้งฝุ่นหรือแป้งพัฟค่ะ เพราะไม่มีความเหนอะหนะบนผิวเลย

คราวนี้มาดูความติดทนและคุมมันกันบ้างค่ะ…

สภาพผิวของเรา : ผิวผสม-มัน /NC30/มีรอยฝ้ากระบางๆ

เริ่มลงงานผิวตอน 11.00น.โดยไม่มีการลงสกินแคร์ หรือกันแดดใดๆทั้งสิ้น

ออกไปทานอาหารกลางวันกลับถึงบ้าน เช็คงานผิวครั้งที่1 ตอน14.00น.

พบว่า งานผิวที่หน้ายังคงกระจ่างใส ไม่ดร็อป ไม่หมอง

แต่เริ่มสังเกตุได้ถึงความมันวาวบ้างเล็กน้อย-ปานกลาง

และถ้าเอาหน้าแนบกระจก เพ่งมองที่ผิว (คิดว่าคนทั่วๆไป ที่เจอกันในชีวิตประจำวัน

คงจะไม่ได้ใกล้กันขนาดนั้นเนอะ)จะเห็นว่ามีคราบให้เห็นเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นบ้างเหมือนกัน

เวลาผ่านไป…เช็คผิวอีกทีที่เวลา 17.00น.ค่ะ

หลังจากเดินไปส่องกระจก สิ่งแรกที่เห็นคือ ความมันวาว และสิ่งที่เห็นตามมา คือคราบที่เพิ่มมากขึ้น

ทีนี้ลองไปสะกิดถามคนข้างๆ(กาย)ดูบ้างค่ะ ว่าตอนนี้เห็นผิวหน้าเราเป็นไงบ้าง?! คำตอบคือ…

#ผิวมันชนิดเอาไปทอดไข่ได้เลยล่ะเธอ!

อืมม์–คนนี้เชื่อได้นะ เพราะเป็นคนเดียวที่กล้าพูดความจริง ได้แบบไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกัน

แล้วคราบล่ะพี่ เห็นมั๊ย?! คำตอบคือ…ไม่เห็นนะ:)

สรุปการคุมมันและติดทนกันค่ะ :

สามารถคุมมันได้ประมาณ 2-3 ชม.

แต่หลังจากนั้นก็กลับเข้าสู่สภาวะ(มัน)ตามธรรมชาติของผิวของแต่ละคน

ส่วนความติดทน กันน้ำกันเหงื่อ ถือว่าทำได้ดีค่ะ

มีคราบให้เห็นบ้าง แต่เอฟเฟ็คของคูชั่นสามารถ

อำพรางคราบที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ คือคนอื่นมองไม่เห็น

เอาล่ะ ให้คะแนนกันดีกว่าค่า…สำหรับสภาพผิวของเรา : ผิวผสม-มัน /NC30/มีรอยฝ้ากระบางๆ

โทนสีทำได้ดี สำหรับผิวโทนเหลือง ให้ไปเลย 5/5 คะแนน

คุมมัน ทำได้ดีใน 2-3 ชม.แรก ให้ไปเลย 3/5 คะแนน

เบาสบายผิว ไม่ต้องลงแป้งเพิ่ม ให้ไปเลย 5/5 คะแนน

ไม่ดร็อป ไม่หมองระหว่างวัน ให้ไปเลย 5/5 คะแนน

ติดทนและเป็นคราบ มีความเป็นคราบแต่เอฟเฟ็กของคูชั่นช่วยอำพรางได้ดี

ให้ไปเลย 3/5 คะแนน

ปล.ท้ายที่สุดนี้ ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา เป็นเพียงผลที่ได้จากการทดสอบกับผิวเราเองเท่านั้นนะจ๊ะ

สำหรับใครที่ลองใช้แล้ว ดีไม่ดียังไง ก็แวะมาเม้ามอย เล่าสู่กันฟังกันได้นะค๊า^^

ส่วนวันนี้ลากันไปก่อนละน๊า…บ๊าย บายจร้า

รีวิวงานปากสายเกา(หลี) EP1 : Etude House Color Lips-fit สีOR202 Wanna Fit Orange ราคา2xx

รีวิวงานปากสายเกา(หลี) EP1 : Etude House Color Lips-fit สีOR202 Wanna Fit Orange ราคา2xx

HOT NEWS

สวัสดีค่า…วันนี้ขอหยิบลิปสติกจิ้มจุ่มสัญชาติเกาหลี แบรนด์แรกๆที่ทำให้สาวไทยหลงใหล

มารีวิวกันค่ะ นั่นก็คือ….

Etude House Color Lips-fit สีOR202 Wanna Fit Orange


ลิปสติกรุ่นนี้ มีจุดเด่นเรื่อง เนื้อแมตต์ และความติดทน แถมสีสันก็สดใส สไตล์สาวเกาหลีค่ะ

เนื้อของลิปสติก: เป็นลิปสติกสีส้มคอรัลสด เม็ดสีสดชัดมาก แต่มีความเป็นแป้งให้เห็นอยู่เหมือนกันค่ะ

ต้องรีบเกลี่ยให้ดีๆ ไม่งั้นจะเป็นคราบค่ะ ค่อยๆใช้ค่ะ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจกับมัน

ลองสวอชสีที่หลังมือค่ะ


ดูตอนลงสีที่ปากกันค่ะ…

เริ่มทาตอน10โมงเช้า สีสันสดใส รับเช้าวันใหม่กันค่ะ เห็นปากมาแต่ไกลกันเลยทีเดียว


ผ่านมื้อเช้าไปหนึ่งมื้อ…


โอ้ว…สีสันยังคงสวยงาม หายไปบ้างนิดๆหน่อย เหลือ 90%กันเลยทีเดียว (ถือว่าทำได้ดีค่ะ)

หลังจากผ่านไปประมาณ 2ชม.

ทดสอบความติดทนกันอีกซักนิด โดยการกินไอศครีม 1โคนนี้…หึ หึ


เช็คสภาพหลังกินไอศครีมหมดไป1โคน…


สังเกตุเห็นคราบขึ้นมาเลยค่ะ ตกร่องบ้างไรบ้าง แต่เม็ดสียังเยอะอยู่นะคะ

ดูแล้วไม่ค่อยงามๆ ทีนี้เราจะมาแก้ปัญหานี้กันค่ะ^^…

นั่นคือ—ใช้ลิปบาล์มหรือลิปมันยี่ห้ออะไรก็ได้ค่ะ

ทาลงไปที่ปากเลย มันจะช่วยให้เนื้อลิปที่แห้งเป็นคราบนั้น

กลับมาชุ่มชื่นและเกลี่ยสีให้เนียนได้อีกครั้ง แล้วเม้มปากบนกระดาษทิชชู่ ให้สีส่วนเกินหลุดออกไป

รับรองว่าจะได้สีปากที่สดใสดังเดิม แต่ไม่ใช่เนื้อแมตต์แล้วนะคะ เพราะเราลงลิปบาล์มลงไปแล้ว

ก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ…


เจอมื้อเที่ยงไปอีกหนึ่งมื้อ…เบา เบา กับขนมปังไส้กรอก อันนี้ลืมถ่ายรูปเก็บไว้ค่ะ ต้องขออภัย

เช็คปากแล้วก็จะเป็นคราบหน่อยๆ ก็ใช้วิธีทาลิปบาล์มทับแล้ว ใช้นิ้วเกลี่ยๆ เหมือนเดิมค่ะ

แน่ะ…ยังสวยต่อได้อีก 55555

ทีนี้–มาเช็ครอบสุดท้าย หลังมื้อเย็นกันค่ะ 19.00 น.


ตามรูปเลยค่ะ ตั้งแต่ 10.00-19.00น. ลิปเหลืออยู่ประมาณ 50% น่าจะได้

ที่เหลือคงโดนกินลงพุงไปแล้ว เป็นที่เรียบร้อยค่ะ แหะ แหะ บรึ๋ย!!

จากนั้นทดสอบการล้างออกด้วย Cleansing Water ค่ะ ตัวเดียวที่ใช้ล้างทั้งหน้า

สามารถล้างออกได้ค่ะ แต่อาจต้องเช็ดซ้ำหลายๆรอบหน่อย แนะนำให้ใช้เป็น

eye and lip remover น่าจะเช็ดออกได้ดีกว่าค่ะ

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ…

เม็ดสีชัด 5/5 คะแนน ใช้เพียงนิดเดียว ก็สามารถกลบสีปากได้มิดค่ะ

ติดทน ไม่เป็นคราบ 3.5/5 คะแนน ติดทนได้นานถึง 6-8 ชม.(เหลือที่ปาก70-80%)
แต่โดนหักคะแนนตรงความเป็นคราบค่ะ

เนื้อสัมผัสหลังจากลิปเซตตัว 4/5 คะแนน มีความแห้งแมตต์ บางเบา สบายปากไม่แห้งตึง

แต่สังเกตุได้ถึงความเป็นเนื้อแป้งอยู่เหมือนกันค่ะ ระหว่างวันแนะนำให้เติมลิปบาล์มค่ะ

โดยเฉพาะคนที่มีปากแห้งลอก เพราะลิปตัวนี้ระหว่างวันทำให้ปากแห้งและเป็นคราบ

หลังจากใช้ไป 6-8ชม.ค่ะ

ล้างออกง่ายด้วย Cleansing water 3.5/5 คะแนน ล้างออกได้ค่ะ แต่ต้องเช็ดซ้ำหลายๆรอบ

หน่อย แนะนำให้ใช้ Lip remover น่าจะดีกว่าค่ะ

สรุปความคุ้มค่า: ด้วยคุณภาพสินค้าที่ได้ เทียบกับราคา ถือว่าสอบผ่านค่ะ
แนะนำสำหรับใครที่ชอบสีสันสดใสซ่าบซ่า สไตล์สาวเกาหลี
แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่มีปัญหาปากแห้งลอก เพราะหลังจากทาลิปตัวนี้
มันจะทำให้ริมฝีปากแห้งขึ้นอีกคะ

เอาล่ะค่ะ…ทั้งหมดทั้งมวล จากประสบการณ์ที่ได้ใช้มา ก็ประมาณนี้ค่ะ

ขาดตกบกพร่องประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ

ขอบคุณทุกคน ที่แวะเข้ามาอ่านและให้ความสนใจในเรื่องที่นำมาแบ่งปันค่ะ…

แล้วพบกันใหม่นะคะ…บ๊าย บาย (^-^)